ชวนชม Gateway ID57H โน้ตบุ๊คที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดแจ่ม
บันทึกเมื่อ 22 ก.ค. 54
ทำเอาชะงักทุกสายตาตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว สำหรับ ID57H โน้ตบุ๊คหน้าจอ 15 นิ้วที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดแปลก และสวยแบบแตกต่างจากค่ายเกตเวย์ (Gateway) แบรนด์คอมพิวเตอร์จากเมืองลุงแซม ที่เอเซอร์ได้นำเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งถ้าใครจะคิดว่ามันเป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์น้องใหม่ในบ้านเราก็ไม่คงผิดนัก แต่สำหรับที่อเมริกาแล้ว ชื่อเสียงของเกตเวย์มีมายาวนานกว่าสองทศวรรษ และเมื่อเอเซอร์ได้นำโน้ตบุ๊คดีไซน์แจ่ม แบบนี้มาเป็นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อล้วงสตางค์ออกจากกระเป๋าคนซื้อ ดังนั้นเราลองไปชมกันแบบเบาๆ ดูสิว่า นอกจากดีไซน์ที่สะดุดสายตาแล้ว บรรดาฟีเจอร์ที่มาด้วยนั้นยังจะโดนใจเราด้วยหรือไม่
แต่เดี๋ยว! ก่อนที่เราจะไปชวนชม Gateway ID57H เครื่องนี้กันแบบเต็มๆ เราลองมาทำความรู้จักกับประวัติคร่าวๆ ของแบรนด์เกตเวย์กันก่อนดีกว่า โดยแต่เดิมนั้น Gateway มีชื่อแบรนด์เต็มๆ ว่า Gateway 2000 ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Ted Waitt และ Mike Hammond เมื่อปี 1985 และได้ตัดตัวเลข 2000 ออกจากชื่อแบรนด์เพื่อให้จดจำได้ง่ายขึ้นในปี 1998 โดยแบรนด์เกตเวย์นับเป็นบริษัทหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จจากขายคอมพิวเตอร์โดยตรง เฉกเช่นเดียวกับเดล
และก่อนที่เราจะไปชมหน้าตาของเจ้า Gateway ID57H เรามาดูในส่วนของคุณสมบัติจำเพาะกันก่อน
ทีนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาพาสมาชิกคุณผู้อ่านชวนชมโน้ตบุ๊คเครื่องนี้กันแล้ว ซึ่งจากตอนแรกที่เราเกริ่นนำไปว่ามันเป็นโน้ตบุ๊คที่มีดีไซน์สุดแปลกและสวยแบบแตกต่าง เห็นทีก็คงจะไม่เกินความเป็นจริงนัก เพราะด้วยกิมมิคของพื้นผิวฝาพับที่มาพร้อมกับลวดลายเกลียวคลื่นบวกกับสีสันชวนสะกดกับ ฟ้าน้ำทะเล จึงทำให้โน้ตบุ๊คเครื่องนี้ดูมีมิติแปลกใหม่ ซึ่งก็ต้องถือว่ามันเป็นโน้ตบุ๊คที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการบ่งบอกไลฟ์สไตล์ของตัวเองขณะใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็เชื่อว่า ต้องมีอีกหลายคนที่ปฏิเสธว่าไม่เห็นจะเข้าตาสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย เราก็เชื่อว่า มันคงทำให้คุณผู้อ่านต้องหยุดดูก่อนที่จะเดินผ่านไปแน่ๆ
หลังจากพลิกหน้าหงายหลังกันไปแล้ว เราลองย้ายมาดูพอร์ทส่วนต่างๆ ที่อยู่ข้างเครื่องฝั่งซ้ายกันบ้าง โดยเริ่มแรกกับช่องซ้ายสุด ที่มีรูปกุญแจกำกับ ตรงส่วนนี้จะเป็นสล็อตล็อค เอาไว้สำหรับคล้องสายล๊อคนิรภัย เข้ากับโต๊ะ เพื่อกันไม่ให้โน้ตบุ๊คเคลื่อนที่ขณะใช้งาน เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย ถัดไปกับช่องตะแกรง ที่จะเป็นส่วนของอุปกรณ์ระบายอากาศ และพัดลม ถัดจากนั้นจะเป็นพอร์ทสำหรับเชื่อมต่อสายแลน, พอร์ท VGA out ขาดไม่ได้กับ พอร์ท HDMI สำหรับการเชื่อมต่อวีดีโอความละเอียดสูงเข้ากับโทรทัศน์ และสำหรับพอร์ทที่มีลิ้นสีน้ำเงิน คือ พอร์ท USB 3.0 ตบท้ายกับอีกสองช่องสุดท้ายด้วยช่องไมโครโฟน และหูฟัง
ต่อไปเราหันฝั่งขวามาดูกันบ้าง ในส่วนนี้จะประกอบไปด้วยพอร์ท USB 2.0 สามพอร์ท และไดร์ฟดีวีดีออฟติคอล พร้อมกับช่องสำหรับเสียบอะแดปเตอร์ เพื่อการชาร์ตแบตเตอรี่
สำหรับโดยรวมแล้ว ตัวเครื่อง ID57H นั้น จะมีความกว้างประมาณ 9.5 นิ้ว ยาว ประมาณ 14.5 นิ้ว มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.4 กิโลกรัม ซึ่งด้วยน้ำหนักขนาดนี้อาจจะทำให้เวลาพกพาไปไหนมาไหนด้วยเป็นระยะเวลานานๆ ก็คงจะไม่สะดวกนัก ขณะที่วัสดุที่ใช้ประกอบก็ดูแข็งแรง มั่นคง ไม่ก๊องแก๊ง
และเมื่อเราพับฝาปิดการใช้งาน ตัวเครื่องจะมีความหนาประมาณ 1 นิ้ว โดยที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย ตำแหน่งของช่องอ่านการ์ด, ไฟแสดงสถานะ ทั้งพลังงาน ฮาร์ดดิสก์ และการเชื่อมต่อไว-ไฟ ส่วนแถบขาวตรงกลางนั้นจะเป็นตัวแสดงระดับแบตเตอรี่ ซึ่งถ้ามีการชาร์ตแบตฯ อยู่ไฟสถานะจะแสดงเป็นสีเหลือง แต่ถ้าชาร์จเต็มเรียบร้อยแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
ถัดไป เรามาเปิดเครื่องดูส่วนด้านในกันบ้าง เมื่อยกหน้าจอขึ้นอันดับแรกที่จะเห็นชัดเลย ก็คือแป้นพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับ แป้นตัวเลข จึงทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยกด Shift เพื่อจะพิมพ์ตัวเลข นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยพื้นหลังสีบรอนซ์เงินที่ตัดกันกับสีของฝาพับด้านหน้า และด้วยความที่ไม่มีช่องว่างระหว่างปุ่มตัวอักษรแต่ละปุ่ม จึงทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าฝุ่นจะเข้าไปฝังตัวตามซอกต่างๆ ขณะที่ในส่วนของทัชแพดนั้น ก็มีขนาดใหญ่กว่าโน้ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ถึง 30% จึงทำให้มีพื้นที่ในการใช้งานเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับการใช้สองนิ้วมือทำงานแบบหลากหลาย อย่างการใช้สองนิ้วมือหนีบเข้าหากัน สำหรับการซูมขยายและย่อภาพ หรือใช้สองนิ้วเลื่อนไปมาเพื่อดูหน้าเว็บ
นอกจากนั้น แถบด้านบนสุดของแป้นพิมพ์ยังมาพร้อมกับปุ่มคีย์ลัดต่างๆ มากมาย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ รวมถึงปุ่มลัด สำหรับการเข้าเว็บไซต์โซเชียลยอดนิยมที่ด้านมุมขวาสุดตรงส่วนของแป้นพิมพ์ตัวเลข
มาถึงเรื่องของการแสดงผลกันบ้าง ในเมื่อมองไปทางไหน เจ้านู้นก็พูดถึงเรื่องความคมชัด ค่ายนั้นก็พูดถึงเรื่อง HD แบรนด์เกตเวย์ก็ไม่พลาดที่จะจับเอาความละเอียดสูงเข้ามาใส่ในกล้องเว็บแคมด้วย โดยกล้องที่มากับตัวเครื่องนั้นมีความละเอียดสูงระดับ HD ถึง 1.3 ล้านพิกเซล จึงทำให้การสนทนาผ่านเว็บแคมมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที่ด้านบนซ้ายยังมีไมโครโฟนสำหรับการสนทนาด้วยเสียงมาให้อีกด้วย
และเมื่อกล้องเว็บแคมยังเป็นความละเอียดสูงไปแล้ว ในส่วนของการแสดงผลหน้าจอของ Gateway ID57H ก็ต้องไม่น้อยหน้าด้วยเช่นเดียวกัน โดยมันมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แสดงผลที่ความละเอียดหน้าจอ 1366x768 พิกเซล จึงทำให้การแสดงภาพมีความคมชัด และได้อรรถรสในการรับชมเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเมื่อเราได้ทำการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark Vantage ที่ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับทดสอบความเร็วการ์ดจอ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าน่าพอใจ
และเมื่อใช้โปรแกรม CPU-Z ทดสอบก็ได้ดังนี้
สรุป
ข้อดี
ข้อดี
1.ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว จึงทำให้การใช้งานด้านมัลติมีเดียต่างๆ ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
3.พื้นที่ทัชแพด และคีย์บอร์ดมีขนาดใหญ่
ข้อเสีย
1.ด้วยพื้นผิวฝาพับที่เป็นลักษณะมัน จึงทำให้เมื่อมีการสัมผัสจะเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายมาก จึงทำให้ต้องคอยหมั่นเช็ดถูกันอยู่บ่อยๆ
2.ด้วยความที่มีขนาดตัวที่ใหญ่ และมีน้ำหนักถึง 2.4 กิโลกรัม อาจจะทำให้เวลาถือไปนานๆ แล้วเกิดอาการเมื่อยล้า
3.แบตเตอรี่ไม่สามารถถอดออกเองได้
อ้างอิงจาก : http://www.pantip.com/tech/techblog/article.php?articleID=HS3018263
เครื่องเล่นมีเดียพกพา 3D รุ่น"ไม่ง้อแว่น"
บันทึกเมื่อ 27 กรกฏาคม 2554
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ขออนุญาตรายงานข่าว Gadget ออกใหม่อีกสักชิ้นก็แล้วกันนะครับ สำหรับตัวนี้เป็นเครื่องเล่นมีเดียพกพา (Portable Media Player) ที่ไม่ธรรมดา เนื่องจากมันตอบรับกระแสของภาพยนตร์ หรือวิดีโอที่สามารถแสดงผล 3D ทะลุจอ โดยสามารถรับชมวิดีโอ 3D บนเครื่องเล่นได้โดยไม่ต้องสวมแว่นตา...ว้าว!!!
Gadmei P83 PMP จาก Marvel Digital เครื่องเล่นมีเดียทีมาพร้อมกับหน้าจอ LCD (แบคไลท์เป็น LED) ที่ไม่เพียงให้ความสว่างสดใสเท่านั้น แต่มันยังมาพร้อมกับกลไกการแสดงผล 3D สามารถแสดงคอนเท็นต์ (วิดีโอ และภาพนิ่ง) ที่อยู่ในฟอร์แมตสามมมิติ (3DM, 3DV) ได้ หรือจะให้มันแปลงคอนเท็นต์ 2D เป็น 3D ขณะเล่นได้ทันทีอีกด้วย Gadmai P83 PMP สนับสนุนไฟล์ออดิโอ และวิดีโอได้ครอบคลุมความต้องการใช้งานแทบทุกฟอร์แมต ที่สำคัญ Gadmei P83 PMP มาพร้อมกัหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 768 พิกเซล เล่นวิดีโอฟูลไฮเดฟฯ 1080P ได้ อีกทั้งยังมีสตอเรจบนแผงวงจร 4GB อีกด้วย (สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำ MMC, SD, SDHC ได้สูงสุด 32GB)
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยการรับชมคอนเท็นต์ 3D ล่าสุดระบุว่า มันส่งผลต่ออาการเมื่อยล้าทางสายตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอที่มีขนาดเล็ก แม้กระทั่งทีวี ส่วนการรับชมในโรงภาพยนตร์ที่แสดงภาพขนาดใหญ่จะส่งผลกระทบน้อยสุด ดังนั้น เชื่อเหลือเกินว่า การรับชมคอนเท็นต์ 3D แบบไม่ง้อแว่นบน Gadmei P83 PMP คงจะทำให้เกิดอาการเมื่อยตาได้อย่างแน่นอน เพราะสายตาต้องคอยปรับภาพที่มองเห็นแตกต่างกันพร้อมกันบนเลนส์พิเศษ ซึ่งจะมีการกระโดดของภาพข้ามไปมาระหว่างตาทั้งสอง แต่ด้วยคุณสมบัติความสามารถขนาดนี้ ราคาของมันอยู่ที่ 169 เหรียญฯ หรือประมาณ 5,100 บาทเท่านั้น
อ้างอิงจาก :http://www.arip.co.th/news.php?id=414083
ไมโครซอฟท์' เผยโฉมเม้าส์-คีย์บอร์ดยุคใหม่ ใช้แฟชันผสานเทคโนโลยี
ไมโครซอฟท์ เปิดตัวฮาร์ดแวร์เพื่อคนยุคใหม่ “Express Mouse และ Wireless Desktop 2000” รับแรงบันดาลใจจากแฟชันดีไซน์ดัง ผนวกเทคโนโลยีที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ลดปัญหาจากการใช้งานเป็นเวลานาน…
นายชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการแผนกการตลาดและค้าปลีก (RSM) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวเทคโนโลยีบลูแทร็คและนำเสนอเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ บริษัทฯ ได้นำเสนอฮาร์ดแวร์ล้ำสมัยทั้งด้านเทคโนโลยี สมรรถนะการทำงาน และดีไซน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทฯ นำเสนอเม้าส์ Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ที่มาพร้อมดีไซน์และเทคโนโลยี เหมาะกับสรีระร่างกายด้วยคุณสมบัติที่รองรับหลักสรีระศาสตร์ ซึ่งออกแบบเพื่อป้องกันอาการตึงในส่วนต่างๆ ของร่างกายเนื่องจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และเสริมประสิทธิภาพการทำงาน
โดยเม้าส์รุ่น Express Mouse มาพร้อมประสิทธิภาพในการควบคุมใช้งาน การเลื่อนขึ้น-ลง และการตอบสนองในรูปแบบเม้าส์มีสาย โดยผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาแบตเตอรี่หมด แสงสีฟ้าอ่อนในเทคโนโลยีบลูแทร็คมีประสิทธิภาพมากกว่าแสงเลเซอร์ในเม้าส์เลเซอร์อื่นๆ 4 เท่า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลาก คลิก และเลื่อนเม้าส์ได้บนทุกพื้นผิว ทั้งนี้ เทคโนโลยีบลูแทร็คยังรองรับการใช้งานที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่และใช้งานคอมพิวเตอร์ในสถานที่ต่างๆ ขณะที่ดีไซน์ของเม้าส์รุ่นดังกล่าวยังเหมาะกับสรีระศาสตร์เหมาะสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในแต่ละวัน ด้วยรูปทรงกะทัดรัด สายเม้าส์ถูกออกแบบมาในตำแหน่งที่เหมาะกับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ และปุ่มแบบกำหนดเองได้ 3 ปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพในการทำงาน และสไตล์ที่ทันสมัย ส่วนสีของ Express Mouse ได้รับอิทธิพลจากเวทีแฟชันโชว์จากดีไซน์เนอร์ชื่อดังในปีนี้ โดยมีทั้งสีเทา Flint Grey , แดง Hibiscus Red , ชมพู Dahlia Pink , น้ำเงิน Ultramarine Blue และฟ้า Coast Blue
ชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ประกอบด้วยคีย์บอร์ดรูปทรงเพรียวบาง ทันสมัย และเม้าส์สีดำคู่ใจ พร้อมเทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) 128 บิต ช่วยป้องกันข้อมูลจากการถูกรบกวนและถูกแฮค เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งานว่าข้อมูลบนคอมพิวเตอร์จะได้รับการปกป้อง และด้วยความสามารถด้านความปลอดภัย เทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) จึงถูกนำไปใช้ในระบบการถอดรหัสของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพื่อป้องกันแฮคเกอร์จากการแฮคข้อมูล นอกจากช่วยปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเม้าส์และคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ยังมีฟีเจอร์พิเศษการเข้ารหัส 128 บิต และที่พักฝ่ามือช่วยลดแรงกระแทกอีกด้วย
สำหรับราคาและการจำหน่าย เม้าส์รุ่น Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านไอทีชั้นนำ ในราคา 490 และ 1,350 บาท ตามลำดับ พร้อมการรับประกันผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ นาน 3 ปี.
ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 28 – 07 – 2554
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] โซนี่ มิวสิค นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับ 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร! พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ "Sony Music SLIDE" เอาใจคอสมาร์ทโฟน
บริษัท โซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ “โซนี่ มิวสิค สไลด์” “(Sony Music SLIDE) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานที่ง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศได้อย่างลงตัว มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด โซนี่ มิวสิค ได้พัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ “Sony Music SLIDE” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Facebook และ Twitter ได้อย่างลงตัว ทำให้แฟนเพลงของโซนี่มิวสิคที่ต้องการติดตามผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบได้จากบริการดังกล่าว ด้วยวิธีง่ายๆเพียงคุณดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า “Sony Music SLIDE” จาก App Store ลงมาไว้ในมือถือหรือไอแพดของตัวเอง เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถเข้าสู่โลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของศิลปินที่คุณต้องการได้ทันที ทั้งนี้เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งาน 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
อ้างอิงจาก :http://www.arip.co.th/news.php?id=414071
นับถอยหลัง BlackBerry 7
http://www.rim.com/
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000092217
Gadmei P83 PMP จาก Marvel Digital เครื่องเล่นมีเดียทีมาพร้อมกับหน้าจอ LCD (แบคไลท์เป็น LED) ที่ไม่เพียงให้ความสว่างสดใสเท่านั้น แต่มันยังมาพร้อมกับกลไกการแสดงผล 3D สามารถแสดงคอนเท็นต์ (วิดีโอ และภาพนิ่ง) ที่อยู่ในฟอร์แมตสามมมิติ (3DM, 3DV) ได้ หรือจะให้มันแปลงคอนเท็นต์ 2D เป็น 3D ขณะเล่นได้ทันทีอีกด้วย Gadmai P83 PMP สนับสนุนไฟล์ออดิโอ และวิดีโอได้ครอบคลุมความต้องการใช้งานแทบทุกฟอร์แมต ที่สำคัญ Gadmei P83 PMP มาพร้อมกัหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 768 พิกเซล เล่นวิดีโอฟูลไฮเดฟฯ 1080P ได้ อีกทั้งยังมีสตอเรจบนแผงวงจร 4GB อีกด้วย (สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำ MMC, SD, SDHC ได้สูงสุด 32GB)
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยการรับชมคอนเท็นต์ 3D ล่าสุดระบุว่า มันส่งผลต่ออาการเมื่อยล้าทางสายตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอที่มีขนาดเล็ก แม้กระทั่งทีวี ส่วนการรับชมในโรงภาพยนตร์ที่แสดงภาพขนาดใหญ่จะส่งผลกระทบน้อยสุด ดังนั้น เชื่อเหลือเกินว่า การรับชมคอนเท็นต์ 3D แบบไม่ง้อแว่นบน Gadmei P83 PMP คงจะทำให้เกิดอาการเมื่อยตาได้อย่างแน่นอน เพราะสายตาต้องคอยปรับภาพที่มองเห็นแตกต่างกันพร้อมกันบนเลนส์พิเศษ ซึ่งจะมีการกระโดดของภาพข้ามไปมาระหว่างตาทั้งสอง แต่ด้วยคุณสมบัติความสามารถขนาดนี้ ราคาของมันอยู่ที่ 169 เหรียญฯ หรือประมาณ 5,100 บาทเท่านั้น
อ้างอิงจาก :http://www.arip.co.th/news.php?id=414083
ไมโครซอฟท์' เผยโฉมเม้าส์-คีย์บอร์ดยุคใหม่ ใช้แฟชันผสานเทคโนโลยี
ไมโครซอฟท์ เปิดตัวฮาร์ดแวร์เพื่อคนยุคใหม่ “Express Mouse และ Wireless Desktop 2000” รับแรงบันดาลใจจากแฟชันดีไซน์ดัง ผนวกเทคโนโลยีที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ลดปัญหาจากการใช้งานเป็นเวลานาน…
นายชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการแผนกการตลาดและค้าปลีก (RSM) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวเทคโนโลยีบลูแทร็คและนำเสนอเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ บริษัทฯ ได้นำเสนอฮาร์ดแวร์ล้ำสมัยทั้งด้านเทคโนโลยี สมรรถนะการทำงาน และดีไซน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทฯ นำเสนอเม้าส์ Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ที่มาพร้อมดีไซน์และเทคโนโลยี เหมาะกับสรีระร่างกายด้วยคุณสมบัติที่รองรับหลักสรีระศาสตร์ ซึ่งออกแบบเพื่อป้องกันอาการตึงในส่วนต่างๆ ของร่างกายเนื่องจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และเสริมประสิทธิภาพการทำงาน
โดยเม้าส์รุ่น Express Mouse มาพร้อมประสิทธิภาพในการควบคุมใช้งาน การเลื่อนขึ้น-ลง และการตอบสนองในรูปแบบเม้าส์มีสาย โดยผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาแบตเตอรี่หมด แสงสีฟ้าอ่อนในเทคโนโลยีบลูแทร็คมีประสิทธิภาพมากกว่าแสงเลเซอร์ในเม้าส์เลเซอร์อื่นๆ 4 เท่า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลาก คลิก และเลื่อนเม้าส์ได้บนทุกพื้นผิว ทั้งนี้ เทคโนโลยีบลูแทร็คยังรองรับการใช้งานที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่และใช้งานคอมพิวเตอร์ในสถานที่ต่างๆ ขณะที่ดีไซน์ของเม้าส์รุ่นดังกล่าวยังเหมาะกับสรีระศาสตร์เหมาะสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในแต่ละวัน ด้วยรูปทรงกะทัดรัด สายเม้าส์ถูกออกแบบมาในตำแหน่งที่เหมาะกับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ และปุ่มแบบกำหนดเองได้ 3 ปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพในการทำงาน และสไตล์ที่ทันสมัย ส่วนสีของ Express Mouse ได้รับอิทธิพลจากเวทีแฟชันโชว์จากดีไซน์เนอร์ชื่อดังในปีนี้ โดยมีทั้งสีเทา Flint Grey , แดง Hibiscus Red , ชมพู Dahlia Pink , น้ำเงิน Ultramarine Blue และฟ้า Coast Blue
ชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ประกอบด้วยคีย์บอร์ดรูปทรงเพรียวบาง ทันสมัย และเม้าส์สีดำคู่ใจ พร้อมเทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) 128 บิต ช่วยป้องกันข้อมูลจากการถูกรบกวนและถูกแฮค เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งานว่าข้อมูลบนคอมพิวเตอร์จะได้รับการปกป้อง และด้วยความสามารถด้านความปลอดภัย เทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) จึงถูกนำไปใช้ในระบบการถอดรหัสของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพื่อป้องกันแฮคเกอร์จากการแฮคข้อมูล นอกจากช่วยปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเม้าส์และคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ยังมีฟีเจอร์พิเศษการเข้ารหัส 128 บิต และที่พักฝ่ามือช่วยลดแรงกระแทกอีกด้วย
สำหรับราคาและการจำหน่าย เม้าส์รุ่น Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านไอทีชั้นนำ ในราคา 490 และ 1,350 บาท ตามลำดับ พร้อมการรับประกันผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ นาน 3 ปี.
โซนี่ มิวสิค เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ "Sony Music SLIDE" เอาใจคอสมาร์ทโฟน
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] โซนี่ มิวสิค นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับ 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร! พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ "Sony Music SLIDE" เอาใจคอสมาร์ทโฟน
บริษัท โซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ “โซนี่ มิวสิค สไลด์” “(Sony Music SLIDE) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานที่ง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศได้อย่างลงตัว มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
นายพอล มนัสถาวร ผู้อำนวยการกลุ่มงานดิจิตอล บริษัท โซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจดิจิตอลถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ทางโซนี่มิวสิคให้ความสำคัญมากในปีนี้ โดยมีแผนที่จะปรับทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจเพลงของโซนี่มิวสิคทั้งหมดให้สอดรับกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว ซึ่งในเบื้องต้นเราได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของโซนี่มิวสิคพบว่า กลุ่มคนฟังเพลงของโซนี่มิวสิคส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนที่หลากหลาย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนในตระกูล iOS อาทิ ไอโฟน, ไอแพด เป็นต้น และจากกระแสความแรงของตลาดสมาร์ทโฟน ประกอบกับกระแสความแรงของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กในปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผนวกกับการมาของ 3G เน็ตเวิร์กทำให้โซนี่มิวสิคไม่รอช้ารุกพัฒนาคอนเทนต์เพื่อเตรียมรองรับกับจำนวนผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ผมเชื่อมั่นว่าเมื่อ 3G เน็ตเวิร์กมาถึงก็จะเป็นการเปิดตลาดรูปแบบใหม่และทำให้คนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ของโซนี่มิวสิคถือได้ว่าเป็นพรีเมี่ยมคอนเทนต์ที่มีคุณภาพที่สุดในตลาดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เพลง, มิวสิควีดีโอ รวมถึงศิลปินในสังกัดโซนี่มิวสิคซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้น ทางบริษัทฯจึงมั่นใจว่าโซนี่มิวสิคจะเป็นผู้นำทางด้าน 3G มิวสิคแอพพลิเคชั่นได้อย่างแน่นอน” นายพอลกล่าวทิ้งท้าย
นับถอยหลัง BlackBerry 7
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 26 กรกฎาคม 2554 16:26 น. |
|
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000092217
ญี่ปุ่นนำร่อง ขายสมาร์ทโฟน “Mango” ตัวแรก ก.ย.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 27 กรกฎาคม 2554 17:29 น. |
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศความเคลื่อนไหวซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนวินโดว์สโฟนเซเว่นรุ่นอัปเดทล่าสุด “Windows Phone 7.5” หรือที่มีชื่อรหัสว่า Mango ว่า ได้ส่งถึงมือผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทั่วโลกแล้ว เท่ากับอีกไม่นาน สมาร์ทโฟน Mango จะเริ่มบุกตลาดทั่วโลกอย่างจริงจัง
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเปิดตัว “IS12T” โทรศัพท์มือถือ Mango รุ่นแรกของโลก โดยโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่น อย่างเคดีดีไอ (KDDI) ที่ได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ประเทศญี่ปุ่น (Microsoft Japan) การันตีฝีมือการผลิตโดยฟูจิตสึโตชิบา (Fujitsu Toshiba Mobile Communications) กำหนดการวางตลาดคือ เดือนกันยายน ปีนี้
***Mango พร้อมรบ
Terry Myerson รองประธานฝ่ายธุรกิจวินโดว์สโฟน แถลงไว้ในบล็อกบริษัท ว่า การส่งมอบ Mango ให้แก่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่เกิดขึ้นนั้น หมายถึงการผ่านขั้นตอนพัฒนาไปอีกขั้น โดยพันธมิตรไมโครซอฟท์ที่เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะลงมือศึกษา และปรับแต่งวินโดว์สโฟนเวอร์ชันล่าสุดให้เข้ากับผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์อย่างจริงจัง หลังจากไมโครซอฟท์ได้เพิ่มความสามารถมากกว่า 500 จุดลงใน Mango เรียบร้อยแล้ว
Mango นั้น เป็นระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ที่ไมโครซอฟท์นำมาอัปเกรดใหม่จนมีชื่อเล่นว่า เป็น Windows Phone 7.5 ในงานเปิดตัว Mango เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์สร้างความฮือฮาให้ Mango ด้วยการระบุว่า ได้เพิ่มความสามารถใหม่มากกว่า 500 จุดเมื่อเทียบกับเวอร์ชัน 7 เดิม และจะมาพร้อมโปรแกรมเบราเซอร์ใหม่ล่าสุด Internet Explorer 9 (IE9) ที่ทำงานได้เร็วกว่า
ผู้ผลิตที่ได้รับมอบ Mango คาดว่าจะได้แก่ ซัมซุง แอลจี เอชทีซี เอเซอร์ ฟูจิตสึ และแซททีอี ซึ่งคาดว่า จะเริ่มวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน Mango ได้ในปีนี้ และไมโครซอฟท์จะเปิดให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Windows Phone 7 อยู่แล้วสามารถอัปเดทระบบปฏิบัติการได้ภายในปลายปีนี้เช่นกัน
***สมาร์ทโฟน Mango ปลาดิบกันน้ำ
สำหรับ IS12T ซึ่งเคดีดีไอ และไมโครซอฟท์ ประเทศญี่ปุ่น การันตีว่า เป็นสมาร์ทโฟน Mango รุ่นแรกของโลก นั้น มีดีกรีเป็นโทรศัพท์มือถือ Windows Phone เครื่องแรกในตลาดญี่ปุ่นเช่นกัน มาพร้อมกล้อง 13.2 ล้านพิกเซลพร้อมโฟกัสอัตโนมัติ ภายในมีหน่วยความจำ 32 กิกะไบต์ พร้อมรบในแดนปลาดิบเดือนกันยายน 54 เป็นต้นไป
ข้อมูลเครื่องเบื้องต้น คือ IS12T สามารถกันน้ำได้ในระดับ IPX5 หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว WVGA ใช้ชิป MSM8655 ของควอลคอมม์ซึ่งไม่เปิดเผยความเร็ว (คาดว่าจะเป็น 1GHz) รองรับทั้ง Bluetooth (2.1 + EDR) และ WiFi (802.11b/g/n)
ยังไม่มีรายงานราคาจำหน่ายในขณะนี้
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเปิดตัว “IS12T” โทรศัพท์มือถือ Mango รุ่นแรกของโลก โดยโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่น อย่างเคดีดีไอ (KDDI) ที่ได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ประเทศญี่ปุ่น (Microsoft Japan) การันตีฝีมือการผลิตโดยฟูจิตสึโตชิบา (Fujitsu Toshiba Mobile Communications) กำหนดการวางตลาดคือ เดือนกันยายน ปีนี้
***Mango พร้อมรบ
Terry Myerson รองประธานฝ่ายธุรกิจวินโดว์สโฟน แถลงไว้ในบล็อกบริษัท ว่า การส่งมอบ Mango ให้แก่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่เกิดขึ้นนั้น หมายถึงการผ่านขั้นตอนพัฒนาไปอีกขั้น โดยพันธมิตรไมโครซอฟท์ที่เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะลงมือศึกษา และปรับแต่งวินโดว์สโฟนเวอร์ชันล่าสุดให้เข้ากับผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์อย่างจริงจัง หลังจากไมโครซอฟท์ได้เพิ่มความสามารถมากกว่า 500 จุดลงใน Mango เรียบร้อยแล้ว
Mango นั้น เป็นระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ที่ไมโครซอฟท์นำมาอัปเกรดใหม่จนมีชื่อเล่นว่า เป็น Windows Phone 7.5 ในงานเปิดตัว Mango เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์สร้างความฮือฮาให้ Mango ด้วยการระบุว่า ได้เพิ่มความสามารถใหม่มากกว่า 500 จุดเมื่อเทียบกับเวอร์ชัน 7 เดิม และจะมาพร้อมโปรแกรมเบราเซอร์ใหม่ล่าสุด Internet Explorer 9 (IE9) ที่ทำงานได้เร็วกว่า
ผู้ผลิตที่ได้รับมอบ Mango คาดว่าจะได้แก่ ซัมซุง แอลจี เอชทีซี เอเซอร์ ฟูจิตสึ และแซททีอี ซึ่งคาดว่า จะเริ่มวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน Mango ได้ในปีนี้ และไมโครซอฟท์จะเปิดให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Windows Phone 7 อยู่แล้วสามารถอัปเดทระบบปฏิบัติการได้ภายในปลายปีนี้เช่นกัน
***สมาร์ทโฟน Mango ปลาดิบกันน้ำ
สำหรับ IS12T ซึ่งเคดีดีไอ และไมโครซอฟท์ ประเทศญี่ปุ่น การันตีว่า เป็นสมาร์ทโฟน Mango รุ่นแรกของโลก นั้น มีดีกรีเป็นโทรศัพท์มือถือ Windows Phone เครื่องแรกในตลาดญี่ปุ่นเช่นกัน มาพร้อมกล้อง 13.2 ล้านพิกเซลพร้อมโฟกัสอัตโนมัติ ภายในมีหน่วยความจำ 32 กิกะไบต์ พร้อมรบในแดนปลาดิบเดือนกันยายน 54 เป็นต้นไป
ข้อมูลเครื่องเบื้องต้น คือ IS12T สามารถกันน้ำได้ในระดับ IPX5 หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว WVGA ใช้ชิป MSM8655 ของควอลคอมม์ซึ่งไม่เปิดเผยความเร็ว (คาดว่าจะเป็น 1GHz) รองรับทั้ง Bluetooth (2.1 + EDR) และ WiFi (802.11b/g/n)
ยังไม่มีรายงานราคาจำหน่ายในขณะนี้
อ้างอิงจาก : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000092854
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น